ในปีงบประมาณ 2547
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม โดย
นางมนพร เจริญศรี
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางการศึกษา การกีฬา
และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค
เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ประชาชนอยู่อย่างสันติสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี
มีความตื่นตัวที่จะรับการพัฒนาให้เป็นคนที่มีศักยภาพและมีความรู้ ครอบครัวมีความสุข มีวัฒนธรรมประเพณีที่รุ่งเรืองและคงอยู่อย่างถาวร โดยเน้นที่จะพัฒนาคนให้มีคุณภาพและศักยภาพ
ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม
เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัด
และแผนพัฒนาแบบบูรณาการของจังหวัดนครพนม
ซึ่งได้กำหนดแนวทางการพัฒนาภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสังคม
แนวทางหนึ่งคือ การจัดตั้งโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ส่งเสริมการจัดกิจกรรมด้านสันทนาการ การแข่งขันกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจ ทำนุบำรุงปรับปรุงสนามกีฬา
ส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์สุขภาพสำหรับเป็นสถานที่แข่งขันกีฬา
และออกกำลังกายของเยาวชนและประชาชนทั่วไปในพื้นที่จังหวัดนครพนม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาส่งเสริมสนับสนุนการกีฬา
ตลอดจนการจัดให้มีและบำรุงสถานที่สำหรับการกีฬาตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540
ประกอบพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542
จึงได้กำหนดให้มีโครงการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนมขึ้น
เพื่อให้เด็กและเยาวชนในท้องถิ่นได้รับการพัฒนาและฝึกทักษะ
ตลอดจนมีความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬาที่ทันสมัย มีความสามารถเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาในทุกระดับ
เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางการกีฬา
ภายใต้ปรัชญา “เน้นคุณธรรม นำการกีฬา
พัฒนาท้องถิ่น” ซึ่งแสดงถึงศักยภาพทางด้านการกีฬาของจังหวัดนครพนมในการที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย
สามารถพัฒนาให้เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดได้อีกทางหนึ่ง
โดยเริ่มจากการประชุมและศึกษาดูงานจากโรงเรียนกีฬาของจังหวัดต่าง ๆ
ในการดำเนินการช่วงแรก จังหวัดนครพนม
ได้ออกคำสั่ง ที่ 2229/2547
เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานโครงการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม ซึ่งประกอบไปด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานที่ปรึกษา และรองนายก อบจ.นครพนม
และหัวหน้าส่วนราชการ เป็นคณะทำงาน
โดยให้มีหน้าที่รวบรวมและจัดทำรายละเอียดการจัดตั้งโรงเรียน
การจัดการเรียนการสอน รวมทั้งการศึกษาดูงาน เพื่อพัฒนาข้อมูลการจัดตั้งโรงเรียน
ให้เกิดประสิทธิภาพ จนกว่าการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม
ตามนโยบายการบริหารงานการพัฒนาสังคมของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
ในสมัยนั้นที่ได้แถลงไว้ในคราวประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม สมัยสามัญ
สมัยที่ 1 ประจำปี 2547 ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2547
ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมายที่จะจัดให้มีการจัดตั้งโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนมขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะจัดการศึกษา
และส่งเสริมทักษะด้านการกีฬาให้แก่ประชาชนในจังหวัดนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และคุณภาพของการกีฬาให้ได้มาตรฐานแบบยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมการกีฬาของจังหวัดนครพนมสู่ความเป็นเลิศ
อันเป็นการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนอีกทางหนึ่ง
โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2548
โดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งได้กำหนดชื่อโรงเรียน คือ “โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม”
มีชื่อย่อว่า “กนพ” จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยเรียนร่วมกับนักเรียนปกติ
และได้ขอตัว นายกฤษฎา
จันทร์สว่าง
รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 มาปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ว่าที่ ร.อ.พรสถิตย์
บุพศิริ ครูโรงเรียนไชยบุรีวิทยาคม และนายวิทยา
พลหาราช ครูโรงเรียนบ้านไผ่ล้อม
มาปฏิบัติหน้าที่เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน
และ ในปีการศึกษา 2548 ได้เริ่มรับนักเรียนที่มีความสามารถด้านกีฬา
โดยการรับสมัครและตั้งคณะทำงานเพื่อคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถ
มาเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 4 ชนิดกีฬา คือ ฟุตบอล กรีฑา ตะกร้อ มวยไทย รวมทั้งสิ้น 40 คน
โดยจ้างครูผู้ฝึกสอนกีฬาที่มีความสามารถมาเป็นผู้ฝึกสอน
ได้มีการจดบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (Memorandum of Understanding : MOU) ภายใต้ชื่อ บันทึกความร่วมมือการจัดการศึกษา
โครงการเรียนร่วมนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา
ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม เขต 1 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2548 และได้ขออนุญาตใช้สถานที่ดำเนินกิจกรรมตามโครงการเรียนร่วมนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา ณ โรงเรียนชุมชนอาจสามารถ ตำบลในเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ได้ทำการสอนเรื่อยมา
และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
โดย ดร.สมชอบ นิติพจน์
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
นายอารมณ์ เวียงด้าน นายธนพส รัตนรามา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
เขตอำเภอเมือง และผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษานครพนม
ได้ทำพิธีรับการถ่ายโอนโรงเรียนชุมชนอาจสามารถ
จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม เขต 1 ซึ่งมี นายปริญญา
ธรเสนา
รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม เขต 1 เป็นตัวแทนมอบ โดย
นายประจักษ์จิตต์ อภิวาท
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มาเป็นประธานในพิธี
และถือได้ว่าโรงเรียนนี้ได้ถ่ายโอนภารกิจทั้งหมด ในการจัดการศึกษาให้
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมได้บริหาร ซึ่งเป็นภารกิจใหม่ที่ท้าทายฝ่ายบริหาร
ที่จะได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางการศึกษา การกีฬา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค
ตามเจตนารมณ์ เบื้องต้นต่อไป ในขณะที่โอนมาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีนักเรียนระดับประถมศึกษา
ซึ่งเรียนอยู่ในระดับประถมศึกษา ทั้งสิ้น 19 คน
และมีนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 130 คน
ซึ่งได้ไปเรียนที่โรงเรียนนครพนมวิทยาคม
และข้าราชการครูโรงเรียนชุมชนอาจสามารถเดิม
ได้ขอย้ายกลับคืนต้นสังกัดเดิมทั้งหมด ยังเหลือผู้ช่วยครู
และบุคลากรที่มีความสามารถด้านกีฬา ที่สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม
ได้ทำหน้าที่จัดการเรียนการสอนแทนชั่วคราว
เมื่อวันที่ 1
สิงหาคม 2554 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ได้รับโอน นายสามารถ วังคะฮาด ผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม
เขต 1
มาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนอาจสามารถ และได้บรรจุและแต่งตั้งครูผู้ช่วยอีก 4 ตำแหน่ง เพื่อมาจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนนี้
ปัจจุบัน โรงเรียนนี้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษา มีนักเรียน
178 คน ข้าราชการครู 5 คน
และบุคลากร ที่สนับสนุนการจัดการศึกษาทั้งหมด รวม 20 คน
มีประเภทกีฬาที่เปิดสอน 5 ประเภท คือ ฟุตบอล ตะกร้อ
วอลเลย์บอล มวยไทย และ กรีฑา พื้นที่โรงเรียน ประมาณ 27
ไร่เศษ และมีอาคารหอพักนักเรียน 3 หลัง
อาคารเรียน 3 หลัง อาคารประกอบอื่น 2 หลัง
สนามกีฬาอเนกประสงค์ 4 สนาม ส้วม 16 ที่
ห้องอาบน้ำมาตรฐาน 10 ห้อง ห้องอาบน้ำรวม 1 ห้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น